[Vampire Knight Fiction] This is my sin (KanameXZero) 2/2
Warning!! YAOI!! Rate - NC15+
ผู้เข้าชมรวม
9,769
ผู้เข้าชมเดือนนี้
10
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
[กรุณาลากคลุมพื้นที่เวลาอ่านบางฉาก~]
ภายในห้องอันมืดสลัว มีเพียงแสงไฟจากโคมน้อย ๆ โดยรอบที่ส่องสว่าง สะท้อนร่างสูงในชุดสีขาวสะอ้านที่นั่งอยู่บนโซฟานุ่มสีแดงสด รอบกายเต็มไปด้วยเหล่าแวมไพร์คนสนิทซึ่งเป็นที่รู้กันดีถึงอิทธิพลของคน กลุ่มนี้ในไนท์คลาส
ดวงตาสีแดงปรายมองนักเรียนผู้ตกเป็นผู้ต้องหาที่ยืนตัวสั่น " พวกเธอคงรู้โทษของตนเองดี... " เสียงทุ้มกล่าวเรียบ
" แต่....แต่ท่านหัวหน้าหอคุรันครับ คือพวกเรา!! " หนึ่งในนั้นพยายามจะค้าน แต่เพียงแค่สายตาคู่เดิมจ้องมองมา ริมฝีปากนั่นก็หุบลงอย่างอัตโนมัติ
" การดื่มเลือดมนุษย์เป็นการผิดกฎ พวกเธอก็ทราบดี ในฐานะที่ผมเป็นผู้รักษากฎก็จำต้องทำตาม " คานาเมะเอ่ยต่อ แสร้งทำท่าทางลำบากใจ อิจิโจมองการกระทำนั่น....อะไรกันนะที่ทำให้คนที่เยือกเย็นเช่นนั้นเปลี่ยน แปลงไปได้ขนาดนี้
การแก้แค้น....ผู้หญิงที่ตนรัก....หรือเซโร่ คิริยู
" ได้โปรดเถอะครับ!!พวกผมไม่อยาก!!! "
" ผมตัดสินใจแล้ว ต้องขอโทษจริง ๆ " คานาเมะหันมองก่อนเดินจาก โดยมีอิจิโจและคนอื่น ๆ ตามติดไปไม่ห่าง
ร่างสูงหยุดลงตรงกลางทางเดิน หันมองเหล่าเพื่อนพ้องของตน ก่อนจะเปรยยิ้มน้อย ๆ ตามนิสัย " พวกเธอไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมเองก็จะไปพักผ่อนด้วยเหมือนกัน "
" แล้วเรื่อง....? " เด็กหนุ่มร่างเล็กที่สุดเอ่ยถาม ไอโด้รู้สึกสงสัยเช่นเดียวกับที่คนอื่นสงสัย
คานาเมะนิ่งอยู่พัก " เรื่องนั้นผมจะจัดการเอง ขอบคุณทุกคนมาก "
แม้จะยังไม่คลายสงสัยแต่ก็ไม่อาจถามอะไรได้มากกว่านี้ ยิ่งตอนนี้อารมณ์ของคานาเมะดูจะไม่ปกติเอาเสียเลย เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงไม่ใจเย็นเช่นดังแต่ก่อน ว่าเมื่อก่อนเข้าหายากแล้ว ตอนนี้ยังยากเสียกว่า
ทุกคนกลับไปหมดแล้ว เหลือเพียงอิจิโจที่ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลจ้องมอง ราวกับว่ารับรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร
" เธอจะทำอะไรกันแน่ ผมไม่เข้าใจ " คนยืนรอโอกาสเอ่ยถามเสียงเรียบ
คานาเมะมองออกไปด้านนอก " ทำอะไร?หมายถึงอะไร? "
คนได้ยินคำถามกลับถอนหายใจยาว " ปล่อยไปแบบนั้น เด็กคนนั้นจะเป็นอันตราย เธอก็รู้ "
" แล้วจะให้ผมทำอย่างไร?ไม่ลงโทษแล้วปล่อยให้อยู่ต่องั้นหรือ? " เสียงทุ้มถามกลับอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงราบเรียบไร้อารมณ์เช่นเดิม
เธอทำได้แต่เธอไม่คิดจะทำต่างหาก อิจิโจคิด คานาเมะเป็นคนเดียวที่อยู่เหนือกฎทั้งมวล ฉะนั้นหากเขาคิดจะทำ ทางออกที่ดีกว่านี้ต้องมีแน่นอน...แต่นี่ นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่นะ?
" ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อน ไว้พบกันครับ " คานาเมะเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนเดินจากไป ทิ้งให้ผู้เป็นเพื่อนมองตามอยู่แบบนั้น
เปลี่ยนไป....มากมายเหลือเกิน...
ทางด้านเซโร่ที่เพิ่งรู้สึกตัวก็อ่อนเพลียไปหมด ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนคนเพิ่งฟื้นจากความตายยังไงยังงั้น ดวงตาสีม่วงจ้องมองไปรอบ ๆ ห้องที่ดูแปลกตาแต่กลับคุ้นเคย ห้องของใครสักคน....ใครสักคน...
คานาเมะ คุรัน...
เซโร่กัดฟันกรอดเมื่อนึกถึงเจ้าของห้องผู้แสนเย่อหยิ่งนั่น ดวงตาสวยมองไปรอบ ๆ พยายามหาเสื้อผ้าที่พอจะสวมใส่ได้ ก่อนเหลือบเห็นเสื้อผ้าซึ่งแขวนไว้ด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำ จึงพยายามยันร่างกายตนเองขึ้น
แต่เพียงแค่จะลุกร่างทั้งร่างก็ทรุดลงไปอีกครั้ง ขาเรียวยาวอ่อนแรง ไม่แม้แต่จะพาเจ้าของของมันพ้นไปจากเตียงนอนสีขาวใหญ่นี่ได้
เสียงถอนหายใจยาวดัง วินาทีนั้นเองที่รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณลำคอ " จริงสินะ.... " เด็กหนุ่มยกมือขึ้นสัมผัส เมื่อคืนเขาโดนกัด แม้แผลจะหายไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดยังคงหลงเหลืออยู่
ไม่ใช่เพียงแค่ความเจ็บปวด แต่รสเลือดหอมหวานที่ยังติดตรึงลิ้น กับสัมผัสนุ่มที่กดทับริมฝีปากเขา คุ้นเคยแต่กลับแปลกประหลาดในเวลาเดียวกัน มันคืออะไรกันแน่ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง...?
เสียงเปิดประตูเบา ๆ ทำให้เซโร่สะดุ้ง เขารีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมทับร่างกาย แม้ไม่ได้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า แต่มันก็น่าอับอายเหลือเกินที่ผู้ชายอย่างเขาจะต้องมาสวมเสื้อเชิ้ตเพียงตัว เดียว
" ตื่นแล้วหรือคิริยูคุง " รอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้าคมนั่นทำเอาเซโร่รู้สึกหวาดหวั่นนัก
เด็กหนุ่มไม่ตอบ ดวงตาสีม่วงจ้องมองอีกฝ่ายไม่หลบสายตา คล้ายอาจหาญท้าทาย นั่นทำให้อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอเบา ๆ " หึ....เป็นสายตาที่ดีนะ เสียแต่ว่ามันก็แค่สายตาเท่านั้น " เย้ยหยัน คนฟังรู้เพียงแค่นั้น
" ต้องการอะไร? " เสียงนุ่มถามขึ้น พยายามสะกดอารมณ์ตนเอง
" เธอไม่มีสิทธิที่จะถาม " คานาเมะเอ่ย ดวงตาสีแดงสดจ้องกลับ
มันทำให้เซโร่กลืนน้ำลายฝืดคอ...
เขาตัดสินจะรวบรวมกำลังที่มีลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ครานี้เขาสามารถทำมันได้สำเร็จ ร่างเพรียวเดินผ่านหน้าอีกฝ่ายตรงไปยังห้องน้ำ ฉวยเอาเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ไว้แนบกายแน่น แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปด้านใน มือของใครบางคนก็มีทาบทับบานประตูนั้นไว้
" หลีกครับ " เซโร่เอ่ย
" เธอไม่มีสิทธิที่จะพูดแบบนั้น คนที่จะทำแบบนั้นได้มีเพียงผมคนเดียว " เสียงทุ้มเปล่งอออกมาแนบหู ลมจากปากกระทบผิวเนื้อจนเกิดสีระเรื่อขึ้น
ดวงตาสีม่วงหันมาสบกับดวงตาสีแดงด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง ความวาวโรจน์ฉายชัดแจ้งจนทำให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมาเบา ๆ เปรยยิ้มน้อย ๆ เฉกเช่นทุกครั้ง หากแต่ครั้งนี้แฝงไปด้วยอารมณ์หลากหลายจนยากจะคาดเดา
" เธอรู้ไหมว่าการถูกพวกเลือดบริสุทธิ์กัดจะเป็นเช่นไร? " คานาเมะถาม ยอมละมือจากบานประตู เพราะรู้ว่าเซโร่จะไม่หนีไปไหนแน่นอนตราบใดที่จิตใจยังเปี่ยมด้วยข้อสงสัย
" กลายเป็นแวมไพร์..... "
คนถามยิ้มอีกครั้ง " แล้วรู้ไหมว่าถ้าหากดื่มเลือดของพวกเลือดบริสุทธิ์จะเป็นเช่นไร? "
ทุกอย่างเงียบงันอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดดวงตาสีม่วงก็เบิกกว้างออก เขาเรียบเรียงเหตุการณ์ทุกอย่างได้ แม้ไม่แน่ใจแต่ก็รู้สึกว่ามันใกล้เคียงเสียเหลือเกิน เขาถูกกัดจนใกล้ตายหรืออาจตายไปแล้ว....และถูกช่วยชีวิตโดยเลือดของคานาเมะ
จุดประสงค์ที่แตกต่าง เซโร่เชื่อว่ามันแตกต่างจากครั้งแรกที่เขาดื่มเลือดคน ๆ นี้เป็นแน่
" ฉลาดสมกับเป็นเธอ แต่นี้ต่อไปเธอคือทาสของผมเซโร่ คิริยู ทาสที่ไม่มีวันไปจากผู้เป็นนายได้ชั่วนิรันดร์ " คานาเมะหัวเราะเบา ๆ ดวงตาสีแดงสดฉายแววความพึงพอใจเกินปกปิด
คนได้ยินทรุดลงบริเวณนั้น ขาที่มีแรงกลับอ่อนแรงลงอีกครา น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งกลับรื้นขึ้นอีกครั้ง เลวร้าย...ชีวิตของเขาจะต้องเผชิญความเลวร้ายสักแค่ไหน ถึงจะสามารถไถ่โทษในครั้งนี้ได้หมด
แม้แต่ตายยังตายไม่ได้....แล้วนับภาษาอะไรกับการหนี....
คานาเมะช้อนใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความไร้ชีวานั่นเบา ๆ นิ้วเรียวปาดเอาคราบน้ำตาเจิ่งนองออก " อย่าร้องไห้ "
เขาเว้นจังหวะอย่างจงใจ....
" เพราะมันไม่มีประโยชน์ ... "
จากเทวดากลายเป็นซาตาน เซโร่เห็นเพียงภาพของปีศาจตัวร้ายที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจ ภายใต้หน้ากากที่แสนงดงาม
เรื่องแบบนี้จำต้องกล่าวโทษใครกัน....พระเจ้า....เธอผู้นั้น....เขาคนนี้....หรือว่าตัวของเราเองกัน
เซโร่ต้องยอมใช้ชีวิตตามคำสั่งของคานาเมะทุกอย่าง ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาที่ปฏิบัติตามความต้องการของผู้เป็นนาย ทุกครั้งหลังจากเลิกเรียน เขาต้องมาคอยติดตามดูแล แม้จะไม่ต้องการ แม้จะรังเกียจ แต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีได้
ท่ามกลางสายตาของผู้ที่รังเกียจและสงสัย เขารู้ดีว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่มีทางได้รับความยินยอม เพราะมาจากความไม่บริสุทธิ์ มาจากสายเลือดที่ถือว่าเป็นชนชั้นต่ำศักดิ์ และที่สำคัญ....มาจากสายเลือดของตระกูลนักล่า ศัตรูแต่ต้นกำเนิดของแวมไพร์
" รุ่นพี่ครับ วันนี้ผมขอตัวไปพบผู้อำนวยการนะครับ " นัยน์ตาสีม่วงไม่สบมอง คล้ายกับคำพูดนั่นเป็นแค่คำพูดลอย ๆ ไม่หวังผลการตอบรับเท่าไหร่
ผู้นั่งอยู่บนโซฟายิ้มน้อย ๆ มือเรียวยกแก้วกาแฟหรูขึ้นจิบ ไม่สนใจกับสายตาของเหล่าคนสนิทที่มองมา คานาเมะรู้ดี ความสงสัยใคร่ถามแฝงอยู่ในความคิดของคนเหล่านั้นอย่างพ้องต้องกัน คำถามเดียวที่เกิดขึ้นตอนนี้
" ไปสิ " เสียงทุ้มเย็นตอบ เซโร่ค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนเดินจากไป
นายเหนือหัวสายเลือดบริสุทธิ์คนนี้.....ต้องการอะไรกันแน่?
" เธอต้องการอะไรกันแน่ ผมไม่เข้าใจ " อิจิโจเอ่ยถาม ความจริงเขาก็ไม่อยากยุ่งเรื่องนี้มากนัก ด้วยเกรงว่าจะสร้างความไม่พอใจให้ แต่ก็ไม่อาจทนดูเพื่อนที่แปรเปลี่ยนไปในทางเลวร้ายเช่นนี้ได้เหมือนกัน
มันช่างเป็นคำถามที่โดนใจใครหลาย ๆ คนในห้องอันมืดมิดนี้เสียจริง
คานาเมะยกกาแฟขึ้นดื่มอีกครั้ง " ขอโทษที ตอนนี้ผมยังบอกพวกเธอไม่ได้ ถ้าถึงเวลาสมควรผมจะบอกเอง "
และช่างเป็นคำตอบที่ไม่ได้อะไรเลยจริง ๆ แต่กระนั้นก็ไม่มีคำถามใด ๆ ต่ออีกเลย....ไม่มีอีกเลย
ร่างเพรียวเหยียดแขนพลางบิดตัวไปมา รอยยิ้มบางแทบบนหน้าอย่างหาได้ยากยิ่ง อยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้จริง ๆ เขารู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่แสนจะอิสระ ราวกับนกที่ถูกปล่อยออกจากกรงให้โผบินรับอากาศบริสุทธิ์
เขาเดินไปตามทางเดินในบรรยากาศอันเย็นยะเยียบ ค่ำคืนที่ไม่ต่างอะไรกับคืนอื่น ๆ ดวงตาสีม่วงเงยมองท้องฟ้า ดาวดวงเล็กส่องประกายระยับ
นึกถึงใครคนหนึ่ง...
ท้องฟ้า.....ทั้งงดงามและน่าหวาดกลัว....
ดอกกุหลาบ....ที่มีกลิ่นหอม กลีบดอกซ้อนกันสวยสด แต่กลับมีหนามห่อหุ้ม หากถ้าจับไม่ระวัง ก็จะทำให้บาดเจ็บ....
" ต้องการอะไรจากผมกันแน่ ทั้ง ๆ ที่ทำลายได้ทุกเมื่อ ฆ่าได้ทุกเมื่อ แต่ทำไมไม่ทำ " เสียงหวานนุ่มพึมพำ มือกำหน้าอกแน่น
ตั้งแต่ที่รับรู้ว่าคนที่ช่วยชีวิตตนเองไว้คือคนที่ตนไม่อยากเจอมากที่สุด เซโร่ก็ยอมรับว่าความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในห้วงลึกสุดของจิตใจ รังเกียจและเคียดแค้นจนอยากจะฆ่าให้ตายกับมือ แต่ทำไม.....
ทำไม....ทำไม....และทำไม....
" คุณทำอะไรกับผมกันแน่ " คำถามนับร้อย ที่เซโร่รู้ดีว่ามันจะไม่มีวันรับคำตอบ
เขาใช้เวลาอยู่ร่วมสองชั่วโมงกว่าจะพูดคุยกับผู้อำนวยการเสร็จ ชายคนนั้นเป็นห่วงเขามาก จากน้ำเสียง ใบหน้าและการแสดงออกที่ไม่เคยปกปิด ดีใจที่ยังมีคนเป็นห่วง แต่ก็เสียใจทุกครั้งที่ย้อนกลับไปยังสถานที่เดิม ๆ ภาพเก่าในห้วงวันวานซ้อนทับขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ยูกิ.....นี่ใช่ไหมความรู้สึกดีใจที่ทำให้คนเรายิ้มแย้มแม้เวลาหม่นหมอง....
ดีใจที่ยังมีคนเห็นการมีชีวิตอยู่ของเขาเป็นเรื่องที่ดี...
" เขาคนนี้เหมือนกับเธอเลยนะ " เซโร่พึมพำระหว่างเดินกลับหอพระจันทร์
เมื่อผ่านพ้นประตูหอเขาก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของใครบางคน เด็กหนุ่มระแวงระวังตัวมากขึ้นในทันที แต่พอเห็นใบหน้าและรอยยิ้มอันอ่อนโยนนั่น ท่าทีเมื่อครู่ก็หายไป อิจิโจมาทำอะไรที่นี่กัน
" สวัสดีครับ " เซโร่เอ่ยทักมิตรเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ของเขา
" ผมมารอพบเธอ สบายดีนะ? " น้ำเสียงนั่นดูเจือไปด้วยความเป็นห่วง
ได้ยินดังนั้นใบหน้าบึ้งตึงก็แย้มยิ้มบาง ๆ ทำเอาคนมองอยู่แทบไม่เชื่อสายตา ดอกไม้แรกแย้ม....อิจิโจคิดได้เพียงเท่านั้นจริง ๆ
" ครับ ขอบคุณที่ช่วยผมวันนั้น " เซโร่โค้งให้ อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจ
" เธอจำได้? "
" ก็ไม่มากหรอกครับ แต่ผมจำได้ว่ารุ่นพี่เป็นคนช่วยผมไว้ตอนแรก " ใบหน้านิ่งดูอ่อนโยนลงเล็กน้อย แต่สำหรับอิจิโจ มันดูอ่อนแอและท้อแท้มากกว่า คนอย่างเซโร่ คิริยูที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งหายไปไหนแล้ว
มันดีหรือไม่ดีกันแน่นะ....แต่อย่างน้อยเขาก็วางใจว่าเซโร่จะไม่ทำอะไรให้คานาเมะในตอนนี้โกรธเคืองขึ้นมาอีก..
ทั้งคู่สนทนากันอยู่พักหนึ่ง โดยไม่สังเกตเลยว่ามีสายตาใครบางคนกำลังมองตรงมาจากที่ไหนสักที่ มองการพูดคุยนั่นด้วยแววตาซึ่งไม่สามารถคาดเดาความคิดได้ มองอยู่แบบนั้น....ไม่ละไปไหน
" ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้เสมอ ผมยินดี " รุ่นพี่ผู้อ่อนโยนแย้มยิ้มกว้าง รู้สึกดีที่ได้คุยกับอีกฝ่าย
เซโร่ก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน " ขอบคุณ.....ครับ "
เขาที่ยืนอยู่ก็เซแทบล้ม รู้สึกอ่อนแรงขึ้นมากะทันหัน โชคดีอิจิโจไหวตัวและประคองได้ทัน คงเป็นอาการเดิม ๆ แวมไพร์ที่ขาดเลือดหล่อเลี้ยง อาหารหลักสำคัญเหนืออื่นใด
" เธอดูหน้าซีด ๆ ไม่เป็นไรนะ " เสียงนุ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง เข้าใจดีว่าอาการนี้คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร
" ไม่ครับ...ไม่เป็นไร " เซโร่ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ทำตัวเป็นปกติตามเดิม
" แน่ใจนะ....ถ้าเธอต้องการ.... "
" ครับแน่ใจ ผมไม่เป็นไร ขอตัวก่อนนะครับ " เด็กหนุ่มรู้ว่าอิจิโจจะพูดอะไรจึงรีบขัด แค่นี้เขาก็รู้สึกติดหนี้บุญคุณคน ๆ นี้มากมายเหลือเกินแล้ว
เซโร่กลับสู่ห้องพักที่จำใจต้องอยู่โดยไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเองบ้าง...
เขาหยุดยืนหน้าประตูบานใหญ่ เคาะเบา ๆ ส่งสัญญาณให้คนภายในได้รับรู้ ไม่มีเสียงตอบรับ....นั่นทำให้เด็กหนุ่มแปลกใจ จนในที่สุดต้องขอเข้าไปโดยพละการ
แม้จะเป็นห้องที่เขาอยู่....แต่ก็ไม่ใช่ห้องของเขา
ในห้องมีเพียงเตียงใหญ่เตียงเดียว ทำให้เซโร่ต้องนอนบนโซฟาแทน แต่เขากลับรู้สึกพอใจในที่นอนนั่น นอนที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บนเตียงหรือที่เดียวกับหัวหน้าหอแห่งนี้
ดวงตาสีม่วงมองไปรอบ ๆ ทั่วทั้งห้องมืดมิด ไม่มีใครสักคน ให้คาดคานาเมะคงไปทำธุระที่ไหนสักแห่ง " ไม่มีใครอยู่หรือเนี่ย... "
ทันทีที่เสียงพึมพำเบา ๆ ของเขาจบลง บานประตูที่เปิดอ้าไว้ก็ปิดจนเกิดเสียงดัง เซโร่หันมอง พบดวงตาสีแดงคู่สดที่ฉายแววในเงามืด คานาเมะไม่ได้ไปไหน เขาอยู่ที่นี่ตลอด
กลิ่นเหล้า...คานาเมะดื่มเหล้างั้นหรือ?
" โทษทีครับผมเคาะแล้วแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบเลยเข้ามา " เสียงหวานเอ่ยตอบ ก่อนจะเดินไปทางห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
" อยากไปอยู่กับอิจิโจไหมล่ะ? " จู่ ๆ คานาเมะก็ถามขึ้น มันดูแปลกกว่าทุกที
" แล้วแต่สิครับ รุ่นพี่เป็นหัวหน้าหอที่นี่ จะสั่งให้ใครไปไหนหรือทำอะไรก็ได้ " เขาตอบ รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหน้าอก...โดนไล่????อย่างนั้นหรือ????
เซโร่ที่หันหลังให้จึงไม่ได้เห็นสีหน้าความโกรธาในตอนนี้ มือแกร่งเอื้อมฉุดกระชากลากแขนเรียวอย่างรุนแรง เหวี่ยงอีกฝ่ายที่ไม่ได้ตั้งตัวจนถึงกับเซล้มลงบนเตียงนุ่ม ก่อนจะขึ้นคร่อมกดทับร่างนั้นไว้
" จะทำอะไรน่ะครับ!! " เด็กหนุ่มเอ่ยถาม รู้สึกเจ็บต้นแขนบริเวณที่ถูกดึง
" ดีใจงั้นสินะ แต่อย่าหวังว่านายจะไปจากฉันได้ ชาตินี้ทั้งชาติ ชีวิตนี้ทั้งชีวิต นายต้องเป็นของฉัน!!! " คานาเมะตะโกนด้วยความเดือดดาล คนฟังถึงกับตาค้างด้วยความตกใจ
คานาเมะเกลียดเขามากจนเสียสติไปแล้วหรือไงกัน??!!
" ปล่อยผม!! " เซโร่พยายามดิ้นรน แต่ร่างกายที่กำลังอ่อนแอลงในตอนนี้มีหรือจะสู้แรงอันมหาศาลนั่นได้
ร่างสูงกว่าแสยะยิ้มเย็น มือข้างหนึ่งรวบข้อมือบางไว้เหนือศีรษะแน่น ก่อนจะก้มลงบริเวณลำคอ เขียวขาวปรากฏสะท้อนแสงจันทร์นวลอ่อน ขบลงบนผิวเนื้อขาวอย่างรุนแรง เซโร่สะดุ้ง
" อึก!! " น้ำเสียงเล็ดลอดออกมา คนเจ็บพยายามข่มเต็มที่
ริมฝีปากเปื้อนเลือดผละออก เคลื่อนประกบริมฝีปากอ่อนระเรื่อที่สั่นไหวเบื้องหน้า ฉวยเอาโอกาสที่ถูกเปิดกว้างด้วยความตกใจ ส่งลิ้นร้อนแทรกเข้าไปอย่างชำนาญ ควานหาความหอมหวานภายในอย่างไม่เหรงใจผู้เป็นเจ้าของ
ทั้งอ่อนเพลีย เหนื่อยอ่อน สับสน มึนงงจนแทบหมดแรง เสียงครางประท้วงในลำคอดังอยู่เนิ่นนานจนถูกกลืนหายไป ที่สุดแล้วก็ต้องยอมจำนนต่อทุกสิ่ง ความหิวกระหายของแวมไพร์มันน่ากลัวขนาดนี้เลยหรือ?
คานาเมะที่เหมือนไม่ใช่คานาเมะถอนริมฝีปากออกอย่าง ขัดใจ ร่างด้านใต้หอบถี่พยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ดวงตาสีม่วงช้อนมองสบกับดวงตาสีแดงเข้ม
" บ้า.....นายมันบ้าไปแล้ว! " เสียงหวานพยายามเปล่งออกมาอย่างยากเย็น
เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มนั่นแสยะออกอย่างน่ากลัว " บ้าหรือ? อาจจะใช่... "
" แต่ถัดจากนี้ไป....นายจะได้รับรู้รสชาติของความบ้าที่แท้จริงแน่ " เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้น หวาดหวั่น หวาดหวั่นจนร่างกายทั้งร่างสั่นเทาไปหมด....
ข้อมือบางถูกยึดตรึงกับหัวเตียงด้วยเสื้อของอีกฝ่าย แน่น แม้จะไม่ทำเช่นนี้เซโร่ก็รู้ดีว่าตนเองไร้ซึ่งพลังขัดขืนนับตั้งแต่เลือดของ เขาไหลเข้าสู่ลำคอระหงนั่นแล้ว ร่างกายอ่อนแอลงตามประสาแวมไพร์ที่ขาดอาหารหล่อเลี้ยง
เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นเพื่อข่มไม่ให้เสียงที่เกิดจาก การถูกสัมผัสเล็ดลอดออกไป ดิ้นรน ขัดขืน ขอร้อง อ้อนวอน กี่ครา ๆ สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือแววตาสีแดงสดอันแสนเย็นยะเยียบนั่น
" อึก.... "
หยาดน้ำตาไหลลงอาบใบหน้างาม ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ไม่เพียงถูกย่ำยีจิตใจแม้แต่ร่างกาย....ร่างกายนี้ก็ยังถูกต้อนจนจนมุม ไร้ทางออก ทางแก้ไขใด ๆ
ริมฝีปากร้อนเต็มไปด้วยไอแห่งความกระหาย สัมผัสไปทั่วผิวขาว เกิดรอยแดงช้ำหลายต่อหลายที่ ปะปนกับรอยขบกัดจากเขี้ยวคมที่แฝงอยู่ เลือดสีสดเปื้อนส่งกลิ่นหอมหวานลอยแตะจมูกผู้เป็นเจ้าของ
เหมือนกลีบดอกกุหลาบสีแดงที่วางไว้บนผืนผ้าที่ขาวสะอาด....ช่างตัดกันจนดูงดงาม....และน่ากลัว
" ปะ....ปล่อยเถอะครับ! " เซโร่สะดุ้งเฮือกเมื่ออาภรณ์ชิ้นสุดท้ายที่ห่อหุ้มร่างกายถูกถอดออกอย่างไม่ ใยดี ขายาวสองข้างเคลื่อนไหวไปมาหวังจะหยุดการกระทำอันโหดร้ายนั่น
คานาเมะเหลือบมอง รอยยิ้มเปรยอย่างเย็นชา.....อีกแล้ว ท่าทางที่แสดงออกเหมือนเขาเป็นเพียงของชิ้นหนึ่ง ของที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่สามารถหลีกหนีจากผู้เป็นนายได้ แม้มันจะแหลกสลายเหลือเพียงชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วก็ตาม
เจ้าของผมสีน้ำตาลนุ่มก้มลงกระซิบ " อยากรู้ไม่ใช่หรือไง....ความบ้าของผม "
ดวงตาสีม่วงเบิกกว้าง เมื่อมือแกร่งเลื่อนสัมผัสจุดอ่อนไหว แรกเริ่มก็เบาบาง หากแต่ไม่กี่วินาทีต่อมากลับรุนแรงจนทำเอาเปล่งเสียงออกมา คนดูชำนาญขยับมือขึ้นลง ริมฝีปากเดิมที่ส่งเสียงเมื่อครู่ประกบปิดริมฝีปากแดงสดของคนด้านล่างอีก ครั้ง
เรียวลิ้นร้อนส่งผ่านหมายต้องการการตอบสนองของผู้ไม่ รู้ประสา เซโร่ที่อารมณ์เริ่มไม่อยู่กับตัวรับการสัมผัส แม้จะค่อยเป็นค่อยไป แม้จะดูลำบากยากเย็น แต่กระนั้นก็ทำให้คานาเมะพอใจได้
เขากำลังหัวเราะ....ไม่รู้ว่าเย้ยหยันหรือยินดีกันแน่
" อะ....อ๊ะ! " เซโร่เกร็งร่างกายเมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่ค่อย ๆ ลอดเข้าทางช่องทางด้านหลัง
มือที่ถูกมัดพยายามดิ้นรนอีกครั้ง หวังจะหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการ เล็บมือจิกลงบนผิวเนื้อจนเลือดไหลซึม แม้มือจะไม่หลุดออก....แต่สติของเขาจะต้องไม่หลุดลอยไปไหน!!
คานาเมะซึ่งได้กลิ่นเลือดสดที่ไม่ได้เกิดจากการกัด จึงเงยหน้ามอง หยาดสีแดงไหลย้อยเป็นทางยาวเรื่อยตามท่อนแขนเรียว เขารีบแก้มัดโดยเร็ว สีหน้าแปรเปลี่ยนไป แว่บหนึ่งดวงตาสีม่วงเห็นความตกใจในดวงตาของผู้กระทำ แต่ก็เพียงแค่แว่บเดียวเท่านั้น
" ทำบ้าอะไร! " เขาตะโกน คนที่อยู่ในภวังค์สะดุ้ง
ริมฝีปากได้รูปดูดซับเลือดที่ไหลออกมา ไม่นานมันก็หยุดลง อาจเป็นเพราะพลังในการรักษาแผลของพวกแวมไพร์ด้วยก็ได้ที่ทำให้มันหยุดเร็ว กว่าปกติ
" อย่าทำ....แบบนี้อีก " เสียงทุ้มเอ่ยเน้นคำ ดวงตาสีม่วงจ้องลึกลงไป
เซโร่นึกดีใจที่การกระทำเกินคำว่าบ้าของคานาเมะได้ หยุดลง แต่เขาคิดผิด ผิดถนัด....เมื่อรอยยิ้มเย็นถูกเผยบนใบหน้าหล่อเหลานั่นอีกครา พร้อม ๆ กับนิ้วมือที่เลื่อนเข้าในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
" อ๊ะ....อย่า! " คนถูกรุกรานเกร็งร่างกายอีกครั้ง มือทั้งสองที่เป็นอิสระขยุ้มเสื้อเชิ้ตสีขาวของอีกฝ่ายแน่น
คานาเมะหัวเราะ " ความบ้าไง....ความบ้าของฉัน "
เซโร่พยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติเมื่อนิ้วที่ล่วง ล้ำเข้ามาถูกถอนออก ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อขาทั้งสองถูกยกขึ้นสูง และยิ่งตกใจเมื่อสิ่งที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาแทนที่ ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่างกายราวกับจะฉีกแบ่งตัวเขาให้ขาดเป็นชิ้น ๆ
" เจ็บ!อึก! " น้ำตาไหลกลบราวกับหยาดฝนหนักในคืนวันที่ฟ้ามืดมิด มันไหลอย่างไม่ขาดสายแสดงออกถึงความรู้สึกที่เกินจะหยุดยั้งไว้ได้
คานาเมะหยุดการเคลื่อนไหวลง มือแกร่งค่อย ๆ โอบกระชับร่างบางกว่าด้านล่าง ปลอบประโลมด้วยจูบอันอ่อนโยน จูบแล้วจูบเล่า....เซโร่เองก็เริ่มผ่อนคลายเมื่อรู้สึกดีขึ้น
" อย่าเกร็ง ผมไม่อยากให้เธอเจ็บมาก " เสียงทุ้มเอ่ย ก่อนวางร่างที่โอบไว้ลงแนบเตียงนุ่ม
ดวงตาสีม่วงปรือมอง ลมหายใจยังคงไม่ปกติเท่าใดนัก แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาเริ่มอ่อนลงแล้วตามลำดับแล้ว อ่อนลงมากพอที่จะให้คานาเมะดันร่างของตนเข้าไป
" อึก! " เซโร่ร้องเบา ๆ เมื่อร่างด้านบนขยับเข้าออกช้า ๆ
สามัญสำนึกสุดท้ายถูกกลืนหายไปกับคำปลอบโยนอันนุ่ม นวลและสัมผัสที่แสนร้อนแรง ดูขัดแย้งแต่มันกลับผสมผสานได้อย่างลงตัว วงแขนเรียวเอื้อมโอบกอด โน้มอีกฝ่ายเข้าหา ลมหายใจผ่าวปะทะใบหน้าหล่อเหลา
" .... " ดวงตาสีแดงเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำพูดหวานที่กระซิบปานขาดใจนั่น
คานาเมะไม่รู้จะทำเช่นไรดี สิ่งที่เซโร่พูดสร้างความสับสนให้เขาได้อย่างมาก มากพอ ๆ กับร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อด้านล่างที่กำลังเย้ายวนจนไม่อาจหยุดการเคลื่อน ไหวได้
แรงขึ้นทุกขณะตามอารมณ์ที่ฟุ้งซ่าน เรื่อยไปกับเสียงร้องครางและกลิ่นหอมหวานของเลือด ร่างสองร่างตระกองกอดภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ครั้งแล้วครั้งเล่า....จนในที่สุดผู้อ่อนแอก็ต้องพ่ายแพ้ไป
คานาเมะที่เริ่มสร่างเมามองอีกฝ่ายด้วยความตระหนก โดยลืมเลือนไปเสียสนิทว่าตอนนี้เซโร่อ่อนแอเพียงใด เขารีบขบลิ้นตนเองเบา ๆ ป้อนเลือดของตนสู่ร่างกายอีกฝ่ายอีกครั้ง หวังว่าการกระทำก่อนหน้านี้จะไม่ทำให้อีกฝ่ายแย่ลงจนถึงขีดสุด
ความบ้าของเขา....ของเขาแท้ ๆ นี่เขาเป็นอะไรไป!
แต่กระนั้นก็ยังไม่มีคำขอโทษเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากแดงสด ความเคียดแค้นเข้าปกคลุมอีกครั้ง เมื่อนึกถึงภาพหญิงสาวอันเป็นที่รักที่หลับตาลงในอ้อมกอดของตน
" สมควรแล้ว....สินะ "
แต่ในความแค้นนั้นกลับเริ่มมีความรู้สึกลังเลปะปน ปะปนจนคนแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยวเกิดสับสน สิ่งที่เขาต้องการคือการทำลายคนตรงหน้าให้ตายอย่างทรมานที่สุดไม่ใช่หรือ ตายทั้งเป็น ทรมานอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนไม่ใช่หรือ!!
เซโร่ตื่นขึ้นในตอนเช้า แสงแดดอ่อนลอดผ่านม่านผืนบางเข้ามา กระทบเปลือกตาของเขา เด็กหนุ่มยันกายขึ้น สะบัดศีรษะไปมาไล่ความงุนงง ร่างกายยังคงเจ็บแปลบไปทั่ว โดยเฉพาะทางด้านหลังนั่น
เพียงแค่นึกถึง ใบหน้าก็แดงก่ำ เต็มไปด้วยความอายและความโกรธ
เขามองโดยรอบก็ไม่พบกับตัวต้นเรื่อง เซโร่รู้สึกดีเพราะถ้าพบคงตีสีหน้าได้ยากกว่าที่จะคิดถึง ร่างบางพยุงตนเข้าสู่ห้องน้ำ ไม่ลืมที่จะเหลียวมองผ้าปูที่นอนสีขาวที่เต็มไปด้วยเลือด
" บ้าชะมัด... " เสียงหวานกัดฟัน
วันนี้คงไปเรียนไม่ไหวแต่ก็อยู่ที่นี่ไม่ได้เช่นกัน เซโร่พยายามคิดหาที่ไป จะให้พาร่างตนเองไปเดย์คลาสก็คงไม่ไหว แล้วจะทำอย่างไร.....ทำอย่างไรดี?
แค่คิดก็ปวดหัวไปหมด...
เสียงน้ำหยุดลงพร้อมกับร่างที่เดินออกมา การเคลื่อนไหวลำบากมากถึงมากที่สุด อยากหยุดลงพักเสียตรงนี้ ไม่อยากไปไหนเลยจริง ๆ
เซโร่หลุดจากภวังค์ทันทีที่มีคนย่างกรายเข้ามา คานาเมะในชุดไนท์คลาสสีขาวเดินตรงยังเขา ก่อนจะช้อนตัวขึ้น รวดเร็วแต่อ่อนโยน คล้ายกับรู้ว่าร่างกายเขาในตอนนี้มีสภาพอย่างไร
" ผมไม่เป็นไรครับ ปล่อยผมลงเถอะ " เสียงหวานเอ่ย หลบดวงตาสีแดงที่มองลงมา
จะอย่างไรเซโร่ก็ยังคงรับรู้ของฐานะตนเอง คำพูดในอดีตสะท้อน วนเวียนไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า....
" อยู่เฉย ๆ " คานาเมะกล่าวกลับ เพียงแค่นั้นคนฟังก็เงียบลง ยอมให้อุ้มร่างตนแต่โดยดี
เขาวางร่างในอ้อมแขนลงบนเตียงนุ่ม ก่อนเดินไปหยิบกล่องพยาบาลเล็ก ๆ ในชั้นวางของด้านข้าง แม้เซโร่จะเป็นแวมไพร์ แต่ก็อ่อนแอและยังมีสายเลือดของมนุษย์อีก ฉะนั้นแผลบางแผลจึงหายช้ากว่าปกติ
ไม่ว่าจะอย่างไร....สิ่งที่คานาเมะทำต่อเซโร่ในตอนนี้ก็คือความอ่อนโยน
เชื่อหรือไม่ดีกลับการกระทำนั้น เด็กหนุ่มจ้องมองอย่างสงสัย ผู้ถูกมองยังคงทำหน้าที่ตนเองต่อไป ไม่สนที่จะพูด ไม่สนที่จะอธิบายอะไร และไม่สนที่จะตอบข้อสงสัยกลับ
" เธอพักผ่อนซะ ผมลาไว้ให้เธอแล้ว " เสียงทุ้มกล่าว คานาเมะพยักหน้ารับ ก่อนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
ดวงตาสีแดงสดมองด้วยความสงสัย " นั่นเธอจะไปไหน? "
" ผมจะไปนอนครับ " เซโร่ตอบพลางชี้ไปยังโซฟา " ที่นั่น.... "
" ไม่ต้อง...แต่นี้ต่อไปเธอนอนบนเตียงกับผม " กล่าวแค่นั้นก็เดินจากไป ทิ้งให้คนฟังยืนอึ้ง มึนงงในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ชั่วข้ามวัน....เปลี่ยนแปลงคนเราได้ขนาดนี้เลยหรือ??
วันคืนผันผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย แต่ไม่น่าแปลกเท่ากับความอ่อนโยนจากคนที่เซโร่ไม่คิดว่าจะได้รับแน่ในชาติ นี้ ตั้งแต่ครานั้น....คานาเมะก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยดีมาตลอด ไม่ทำท่าเหมือนเป็นศัตรูหรือเห็นเขาเป็นแค่เศษหินเล็ก ๆ ก้อนหนึ่งแต่อย่างใด
ที่สำคัญคืออีกฝ่ายไม่เคยแตะต้องเขาอีกเลย ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนกับความรู้สึกประหลาดและความเจ็บปวดอันแสนทรมานเป็น ครั้งที่สอง
นอกจากคานาเมะแล้วคนรอบ ๆ ตัวเขาเองก็เปลี่ยนไปด้วย เหมือนทุกคนจะพยายามยิ้มและเป็นมิตรกับเขา เซโร่รู้ดีว่านั่นคือการเสแสร้ง ไม่มีใครอยากเห็นใครได้ดีไปกว่าตนเองหรอก
" สวัสดีคิริยูคุง " เสียงเอ่ยทักภายในชั้นเรียนแว่วดังโดยรอบ ดวงตาสีม่วงสวยหันมองพลางค้อมศีรษะกลับเป็นมารยาท
จากคนไม่เคยสนใจอะไรกลับต้องแปรเปลี่ยนไปตามสถานที่ที่อยู่ ยอมรับว่าไนท์คลาสทำเอานิสัยส่วนหนึ่งของเขาต้องปรับปรุงใหม่ แถมมีคนคอยบอกกล่าวอย่างอิจิโจด้วยแล้ว ยิ่งปฏิเสธได้ยาก
สำหรับเซโร่ อิจิโจคือเพื่อนผู้จริงใจเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้
" ดูดีขึ้นนะ " เสียงคุ้นเคยเอ่ยทัก
เซโร่หันมองผู้ที่อยู่เบื้องหลัง " สวัสดีครับรุ่นพี่ "
" อิจฉาจริง ๆ ท่านประธานหอผู้แสนดีเลี้ยงเธอด้วยอะไรนะ " คนอารมณ์ดีกล่าวแกมหยอก แต่นั่นก็ทำให้ใบหน้าสีขาวแดงระเรื่อขึ้นได้ไม่ยาก
ความรู้สึก....จากมนุษย์ที่งดงามราวกับตุ๊กตา กลายเป็นผู้มีความรู้สึกแล้วสินะ....
" เปล่านี่ครับ ผมก็แค่พยายามปรับตัวอย่างที่รุ่นพี่บอก " เซโร่บ่ายหน้าหนีหลบสายตาที่มองมา อิจิโจแย้มยิ้มอีกครั้ง
ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้อย่าได้เป็นเพียงแค่ภาพมายา เพราะหากเป็นเช่นนั้น....
หากเป็นเช่นนั้น คงไม่มีหัวใจที่ไหนสามารถรับความเจ็บช้ำได้ถึงสองครั้งในเวลาเดียวกันหรอก....
พวกเขาพูดคุยกันต่ออีกพักก่อนเซโร่จะเป็นฝ่ายขอตัวไป เพราะต้องไปพบกับคานาเมะตามที่ได้ให้สัญญาไว้เมื่อสามวันก่อน นั่นยังความประหลาดใจให้กับอิจิโจอยู่มากโขทีเดียว
" รีบไปเถอะ " เขาเอ่ยอย่างอ่อนโยน
เด็กหนุ่มค้อมศีรษะให้ก่อนขอลาไป " แล้วพบกันครับ "
เซโร่รีบตรงไปยังสถานที่นัดหมาย ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของโรงเรียน มันเป็นสวนที่ติดกับริมสระน้ำ ภายในมีหอคอยเล็ก ๆ ที่สูงเหนือต้นไม้ใหญ่เล็กน้อยตั้งอยู่ เป็นมุมที่เขามาไม่บ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่มา....ก็มักจะพบกับคานาเมะอยู่ทุกครั้งไป
คงเป็นเขตหวงห้าม ดินแดนที่พระเจ้าแห่งไนท์คลาสโปรดปรานจนไม่มีใครกล้าล่วงล้ำ
เสียงฝีเท้าเหยียบต้นหญ้าบ่งบอกถึงการมาของใครบางคน ร่างสูงที่ยืนรออยู่เปรยยิ้มเล็กน้อย " มาแล้วหรือ? "
" ครับ " เซโร่ขานรับ
แม้จะสงสัยว่าเหตุใดอีกฝ่ายต้องพาเขามาก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจขัดความต้องการของคน ๆ นี้ได้เลยแม้เพียงครั้งเดียว ไม่เลยสักครั้ง....เช่นนั้นจึงไม่เอ่ยถามออกไป
มือแกร่งยื่นออกมา ผายเบื้องหน้าผู้ลุกล้ำ " มาสิ "
เห็นว่าการยื่นมือออกมาสื่อความหมายถึงอะไรก็ใบหน้าแดงจัด จะปฏิเสธน้ำใจก็กลัวว่าจะสร้างความขุ่นข้องให้อีกฝ่าย จึงจำใจต้องยื่นมือไปตอบรับไมตรีแต่โดยดี เซโร่วางมือของตนลงอย่างเชื่องช้า มันสั่นไหวน้อย ๆ ด้วยความตื่นกลัว
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น อากัปกริยาของร่างบางกว่าทุกกระเบียดนิ้วตกอยู่ภายใต้การจ้องมองของดวงตาสี แดงสดคู่นั้น " ไม่เป็นไร มาสิ " เสียงทุ้มเอ่ยย้ำ
คานาเมะพาเซโร่ขึ้นไปยังด้านบนสุด ที่ ๆ เขามักจะชอบมานั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืน มันเงียบสงบเย็นสบาย เหมาะแก่การใช้ความคิดหรือการพักผ่อนเป็นอย่างมาก
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา อาจด้วยนิสัยพื้นฐานของคนทั้งคู่ที่มักจะพูดน้อย จึงทำให้เสียงที่ดังระงมอยู่โดยรอบนั้นมีแค่เสียงแมลง สายลม และธรรมชาติที่ขับขานบทเพลงบรรเลงกล่อมเท่านั้น
เซโร่ลอบมองใบหน้าคมที่เหม่อลอย คิดถึงคนที่จากไปไกลแสนไกล....สินะ
ความสุขในชีวิตคงแรกที่สัมผัสคงเป็นการได้อยู่กับหญิงสาวที่รัก
แล้วที่เกิดขึ้นตรงนี้ล่ะ....จะเรียกว่าความสุขได้หรือเปล่า?
ค่ำคืนนี้จบลงอย่างรวดเร็วจนน่าเสียดาย เซโร่ที่ผล็อยหลับไปตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตนกลับมาที่ห้องแล้ว เขามองไปโดยรอบ ก่อนจะหยุดสายตาลงที่คนข้างกาย ใบหน้ายามหลับของผู้ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุด ใบหน้าที่เขาไม่เคยได้เห็นแม้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ก็ตาม
มือเรียวค่อย ๆ ยกขึ้น สัมผัสใบหน้าหล่อเหลาอย่างแผ่วเบาที่สุด......
จิตใจเต้นระส่ำแค่เพียงเห็นหน้า
ใบหน้าร้อนผ่าวยามสัมผัส
เขาไม่ได้โง่ และไม่ได้แกล้งโง่
ไม่อาจปฏิเสธตนเองได้.....ว่านี่คือ ความรัก
เซโร่หลงรักคานาเมะตั้งแต่เมื่อไหร่นั่นเป็นคำถามที่คิดทวนย้อนซ้ำไปซ้ำมาใน จิตใจ เฝ้าแต่บ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยงความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นลึก ๆ โดยหวังว่ามันจะไม่ทำให้ทุกสิ่งที่เป็นอยู่นี้แย่ลง
ไม่รู้ว่าคานาเมะจะให้อภัยเขาแล้วหรือยัง....แต่เป็นเขาคงยากที่จะให้อภัยคน ที่เป็นสาเหตุการตายของผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่ตนรักมากที่สุดได้ แม้จะไม่ใช่ในเชิงชู้สาว แต่รักในสายเลือดย่อมเข้มข้นกว่าสิ่งใด
น้องสาวผู้เป็นที่รักยิ่ง กลับต้องตายเพราะคนที่คาดไม่ถึง
มือที่สัมผัสใบหน้าคมยกขึ้นป้องปากอยากรวดเร็ว สะกดเสียงสะอื้นที่แว่วผ่าน หยาดน้ำใสคลอบนใบหน้า มิอาจห้ามความเสียใจที่เอ่อล้นได้
เซโร่ค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียง เดินตรงไปทางห้องน้ำ โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าผู้ที่ตนคิดถึงอยู่นั้นบัดนี้ได้ลืมตาจ้องมองมาด้วย สายตาอย่างไร
ดูเป็นเช้าที่ไม่ค่อยสดใสเท่าใดนักสำหรับเซโร่ เมื่อคืนหลังออกจากห้องน้ำมาก็แทบไม่ได้นอน เฝ้าคิดโน่นคิดนี่เป็นการใหญ่ ลังเลกับการที่จะเปิดเผยความรู้สึก คนที่เก็บอารมณ์อย่างเขา ทำไมถึงคิดที่อยากจะเปิดเผยได้นะ
หรือว่าเพราะกลัว กลัวการสูญเสียทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยอีกครั้งกัน?
วันนี้คานาเมะมีประชุมและโดยปกติเขาจะต้องไปพบกับอาจารย์ใหญ่เป็นประจำของ สัปดาห์ ชายผู้นั้นเปรียบเสมือนพ่อแท้ ๆ ที่รักและเป็นห่วงเขามาก จึงไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องพลอยทุกใจไปกับการกระทำที่ไร้สาระ เซโร่จึงพยายามหาเวลาไปพูดคุยด้วยเสมอ
แต่ด้วยความรู้สึกประหลาดบางอย่างในใจ ทำให้ขายาว ๆ ของเขาก้าวไปยังจุดหมายที่เป็นห้องประชุมแทนที่จะเป็นตึกของเดย์คลาสแทน
เซโร่ยืนนิ่งเงียบอยู่หน้าบานประตูไม้ใหญ่ด้วยเกรงว่าจะรบกวนผู้อยู่ภายใน และความเงียบนั้นทำให้เขาได้ยินการพูดคุยซึ่งไม่คิดว่าจะเล็ดลอดออกมาจาก ห้องได้ อาจเป็นเพราะความสามารถในการรับเสียงของพวกแวมไพร์
" ผมไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านจึงต้องปฏิบัติต่อคนผู้นั้นดีเช่นนี้ " เสียงหนึ่งดังแว่ว เด็กหนุ่มพยายามจับความ
คนผู้นั้น....ใครกัน?
" ถ้าแค่ทำดีด้วยไม่เท่าไหร่ แต่นี่ท่านถึงกับลดตัวลงไปพักอยู่กับ.... " หญิงสาวอีกคนโวยขึ้นบ้าง
พัก......เรื่องของเขาสินะ...
" ใจเย็น ๆ กันก่อนสิ ท่านหัวหน้าหอคุรันอาจมีจุดประสงค์อื่นก็ได้ "
" ใครจะยอมทำดีกับคนที่ทำร้ายตนเองได้ถึงขนาดนั้นกัน " เสียงนี้เซโร่จำได้ เป็นใครคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มคนสนิทของคานาเมะ
นั่นสินะ.....ใครจะมายอมทำดีกับคนที่ทำร้ายคนที่ตนรักได้ล่ะ
คำพูดเดิมย้อนกลับมาอีกครั้ง ตอกย้ำตัวตนและความเป็นไปของเขาให้จมดิ่งลงสู่ความมืดมิด ไม่มีทาง.....อย่างไรก็ไม่มีทางที่จะโผล่พ้นดินมาต้องกับแสงอาทิตย์ได้ ไม่มีวัน...
" ท่านคุรันคงต้องการหลอกใช้เพื่ออะไรบางอย่าง ใช่ไหมคะท่าน? " คำถามที่เซโร่ตั้งใจรอฟังเสียงตอบกลับ
ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ หลุดมาจากปากของคนถูกถามเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นแสดงออกถึงการยอมรับโดยดี ไม่ปฏิเสธ และไม่คิดจะปฏิเสธ ไม่มีแม้แต่คำพูดแก้ต่าง ไม่มีแม้แต่คำพูดแก้ไขความเข้าใจผิด
ที่ผ่านมาทั้งหมดก็แค่การหลอกลวงสินะ
การหลอกลวงที่แสนสนุกในหมู่ของพวกแวมไพร์
กลายเป็นตัวตลกที่ไม่มีวันหลีกหนีได้พ้น
น้ำตามากมายรินหลั่งแทบกลายเป็นสายเลือด เซโร่ตัดสินใจละทิ้งไปเสียตอนนั้น วิ่งตรงไปยังภายนอกอย่างไร้จุดหมาย ตอนนี้ แค่ตอนนี้เท่านั้นที่อยากไปให้พ้น ๆ ไม่อยากเห็น ไม่อยากได้ยิน
ลอร์ดแห่งแวมไพร์เอ๋ย จงรับรู้ไว้เถิดว่า การหลอกลวงของท่านสัมฤทธิ์ผลแล้ว
ดวงใจอันบริสุทธิ์ที่เคยเจ็บช้ำเพราะความรัก บัดนี้มันได้ถูกทำลายด้วยอาวุธที่ชื่อว่า ความรัก อีกครั้งแล้ว
และคงยากที่จะกลับมาเป็นดังเดิมได้ คงยากที่จะหายาที่ไหนมาเยียวยาได้อีก
หากพระเจ้าเรียกหาคนอย่างเขาในตอนนี้เขาก็พร้อมที่จะไปทันที
ไม่มีร่องรอยแห่งอดีต ไม่มีความเป็นปัจจุบัน และไม่มีเส้นทางแห่งอนาคต
หัวเราะอย่างคนบ้า คิดอ่านอย่างคนบ้า เข้าใจอย่างคนบ้า และมองเห็นอย่างคนบ้า
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากศูนย์ และกำลังจะจบลงที่ศูนย์
เซโร่ไม่รู้ว่าตนวิ่งมาในที่แห่งใด และกำลังจะไปที่ไหน ในตอนนี้เขารับรู้ได้เพียงแต่ตนเองและสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาเท่านั้น นึกตลกตนเอง หัวเราะอย่างบ้าคลั่งทุกครั้งที่คิดถึง น้ำตาไม่รู้กี่หยาดหยด ไม่รู้กี่สาย ไหลรินปะปนไปกับน้ำจากฟากฟ้า
" แม้แต่ท่านก็ยังหัวเราะเราสินะ " ดวงตาคู่สวยแหงนมองท้องฟ้ากว้างที่บัดนี้กลับมืดดำไปหมด
กลับมาภายในห้องประชุม ทุกอย่างยังคงเงียบงัน คานาเมะยังคงไม่ปริปากอะไรออกมา ไม่ตอบตั้งแต่คำถามแรกจนคำถามปัจจุบัน คำถามที่ว่า....เขาเกลียดเซโร่รึเปล่า...
ไม่ใช่ว่ากลัวที่จะตอบ แต่มันหวาดหวั่น....หวาดหวั่นในความรู้ที่ยิ่งคิดมันก็ยิ่งแปรเปลี่ยนไป ทีละน้อย....ทีละน้อย ที่ดวงตาสีม่วงคู่นั้นได้แทรกซึมเข้ามาภายในจิตใจ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งไปอย่างไม่รู้ตัว ขาดไม่ได้...และจะไม่มีวันขาดไป ยอมไม่ได้....ยอมไม่ได้ที่ใครจะมาแตะต้อง
" ผมจะขอพูดกับพวกเธอเพียงครั้งเดียว... " เขาเว้นช่วง
" คิริยูคุง...คือคนของผม หากพวกเธอคิดจะแตะต้องเขาแม้เพียงปลายเล็บ คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น? "
สิ่งที่คานาเมะเอ่ยสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนภายในห้อง จะยกเว้นก็แต่อิจิโจที่กลับแย้มยิ้มออกมา
" จนได้สินะครับ " เขากล่าวเสียงเบาขณะที่ผู้เป็นนายกำลังจะเดินออกไป
คานาเมะเหลือบมอง ก่อนจะแย้มยิ้มบางกลับ เพียงแค่นั้นก็แทนคำพูดมากมาย เครื่องยืนยันที่แท้จริงและมั่นคงยิ่งกว่าทุกสิ่ง อิจิโจมั่นใจ....และดีใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่
นัยน์ตาสีแดงเหลือบเห็นอะไรบางอย่างบริเวณหน้าประตูห้อง เขาหยิบมันดู ในจิตใจเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก กระเป๋าของเซโร่.....ทำไมมาหล่นที่นี่ได้....หรือว่า......?
ร่างสูงรีบพรวดพราดกลับเข้าไปภายใน " แยกกันออกตามหาเซโร่ หาเขาให้เจอโดยเร็วที่สุด!!! "
ทุกคนที่กำลังนิ่งอึ้งอยู่ต่างมองกันอย่างไม่เข้าใจ การปรับตัวให้รับกับอะไรที่มันกะทันหันต่อความรู้สึกมันยากนัก
คานาเมะเองก็เข้าใจ แต่ตอนนี้เขาไม่อาจรอช้าได้อีกแล้ว " ไปสิ!!! "
" ใจเย็น ๆ ไม่มีอะไรหรอก.... " อิจิโจตบบ่าเพื่อนตนเบา ๆ ดวงตาสีแดงสดหันมองอย่างขอบคุณ
ผิดไหมหากจะบอกว่าแม้แต่พระเจ้ายังรังเกียจเขา เซโร่พยายามจะฆ่าตัวตายหลายครั้งเหลือเกินในช่วงเวลาที่ผ่านมาแต่ก็ไม่ สำเร็จสักครั้ง มีคนมาพบบ้าง เกิดเหตุนู่นนี่บ้าง จนในที่สุดเขาก็ต้องมาหยุดอยู่ตรงม้านั่งกลางสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
ความหนาวเย็นสัมผัสเนื้อเนื้อภายใต้เสื้อผ้าที่เปียกปอน แต่มันไม่อาจแข่งขันกับจิตใจที่แทบกลายเป็นน้ำแข็งได้ ดวงตาสีม่วงเหม่อลอย ไร้แววความสดใส เปี่ยมไปด้วยริ้วรอยแห่งความทรงจำอันเศร้าหมอง อีกแล้ว....เป็นดังเดิมอีกแล้ว...
" หนาวตายไปซะ....เซโร่ คิริยู " เขาพึมพำ ดวงตาบวมแดงบ่งบอกถึงการร้องไห้อย่างหนัก
สติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเริ่มเลือนราง มืดบอดลงทุกขณะ เสี้ยวเวลานั้นเองที่เขาได้ยินเสียงใครบางคน มันเปี่ยมไปด้วยความรักและความเป็นห่วง เสียงที่หอบหนัก....ตามหางั้นหรือ....ไม่หรอก มันก็แค่เสียงที่ดังขึ้นให้ความหวังคนใกล้ตายเท่านั้น
" เซโร่....เซโร่!! " ดวงตาสีม่วงสวยมองผู้เอ่ยเรียก ช่างเป็นพรที่แสนล้ำค่าจริง ๆ ใบหน้าของคนที่รักปรากฏ พร้อม ๆ กับเสียงเรียกชื่อของเขาอย่างสนิทสนมที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน
มือเรียวขาวซีดค่อย ๆ ยื่นขึ้นสัมผัสใบหน้าคมซึ่งเต็มไปด้วยความกังวล เขาเปรยยิ้มน้อย ๆ " รุ่นพี่....ผมดีใจนะ
ครับ ผมรู้ว่าคุณไม่มีวันให้อภัยผม แต่ผมก็มีคำพูดที่อยากจะบอก อย่างน้อย....บอกก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูดอีก....ผมรักคุณ... "
รัก....คำพูดที่เหมือนจะง่ายต่อการกล่าวแต่ก็ดูยากเสียเหลือเกิน
รัก....คำพูดที่แฝงไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกต่าง ๆ มากมาย
รัก....คำพูดที่จะสำคัญก็ต่อเมื่อมันออกมาจากใจจริง
สติขาดสะบั้นลงทันทีที่กล่าวจบ โลกของเซโร่ตอนนี้เต็มไปด้วยสีดำสนิท มืดบอดไปหมด ไม่รับรู้อะไรเลยแม้กระทั่งคำเรียกชื่อและอ้อมกอดอันอบอุ่นที่หวังจะยื้อ ชีวิตน้อย ๆ นี้ไว้
" ไม่....แม้แต่พระเจ้าก็จะเอาเธอไปจากผมไม่ได้! " คานาเมะขบเขี้ยวของตนลงบนลิ้น เลือดไหลปริ่มออกมาจากริมฝีปาก เขาประกบมันลงบนริมฝีปากซีดเผือด ปล่อยให้เลือดของตนไหลลงสู่ลำคอขาวเช่นทุกครั้ง
ทุกครั้ง.....กับความรู้สึกที่แฝงลึก....อยากช่วยชีวิต....
เปลือกตาบางลืมขึ้นอีกครั้ง มันค่อย ๆ กระพริบถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อปรับแสงให้เป็นปกติ เพดานห้องที่แสนคุ้นเคยทำให้เซโร่ต้องค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นมองโดยรอบ โต๊ะนั่น....เก้าอี้นั่น....ทุกอย่างดูคุ้นเคยไปหมด นี่มันที่ไหนกันแน่ คนอย่างเขาคงไม่มีวันได้ขึ้นสวรรค์หรอก....ไม่มีทาง
" ตื่นแล้วหรือ....เธอหลับไปนานมาก " เสียงทุ้มนุ่มทำเอาคนได้ยินต้องรีบหันมอง ดวงตาสีม่วงเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ
" ทานอะไรสักหน่อย เธอคงหิว " คานาเมะวางถาดอาหารลงบนโต๊ะเล็ก ๆ ด้านข้าง
ดวงตาสีแดงมองคนตรงหน้าก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ " ผมคานาเมะ คุรัน เธอคงยังไม่ลืมใช่ไหม? "
ดูท่าว่าเซโร่จะตกใจหนักกว่าเก่า นั่นทำเอาคานาเมะหัวเราะออกมาดังกว่าเดิม ตกใจที่เขายังไม่ตาย ตกใจที่เห็นคานาเมะ ตกใจที่เห็นอีกฝ่ายหัวเราะและทำตัวสบายได้ถึงเพียงนี้....
แต่แล้วจู่ ๆ ความตกใจทั้งหมดก็หายไป เหลือไว้แต่บาดแผลลึกที่เกิดขึ้น " ผมจะกลับไปเดย์คลาส " เซโร่ก้มหน้าลง
คิ้วเรียวเลิกสูง " ทำไม? "
" ไม่มีความหมายที่ผมจะอยู่ต่อ ขอบคุณสำหรับการดูแลและช่วยเหลือ หากมีอะไรให้ผมรับใช้คุณบอกผมได้เสมอ ผมเป็นหนี้ชีวิตคุณ "
น้ำเสียงที่เศร้าสร้อยและแสนตัดพ้อนั่นทำเอาคานาเมะถึงกับปวดใจ รู้สึกโทษตนเองบ้างที่ไม่ยอมยอมรับความรู้สึก จนอะไร ๆ เกือบจะสายเกินไป จนอะไร ๆ เกือบจะพรากความรักของเขาไป
มือแกร่งเอื้อมจับมือที่วางประกบกันบนตัก มันอบอุ่นมากสำหรับเซโร่ " อย่าไป....อยู่กับผมที่นี่ "
" มันอาจจะช้าไป แต่ผมอยากให้เธอฟัง "
ดวงตาสีแดงสบกับดวงตาสีม่วงที่บัดนี้เต็มไปด้วยความสงสัย " ผมอาจจะเคยเกลียดเธอ โกรธเธอ อาจจะเคยขับไล่เธอ ผลักไสเธอให้ไปไกล ๆ "
" แต่ตอนนี้....เดี๋ยวนี้ ผมขอยืนยัน.... "
" หัวใจผม....เพียงดวงเดียวนี้ "
หัวใจหนึ่งดวง....กับความรักหนึ่งครั้ง
" ขอมอบให้แก่เธอ เซโร่ คิริยู "
มอบให้เธอเพียงคนเดียว
" ไม่ว่าเธอจะต้องการมันหรือไม่ แต่ผมอยากบอกให้เธอรู้ไว้ ผมรักเธอ "
เพียงแค่นั้นหยาดน้ำตาที่อดกลั้นไว้ก็ไหลบ่าออกมา แสงแดดเรืองรองภายนอกสาดส่องกระทบกับอ้อมกอดอันอบอุ่นที่คนทั้งสองต่างมอบ ให้กันและกัน รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า ความสุขที่ไม่คิดว่าจะได้รับครั้งแล้วครั้งเล่า
หวนกลับมา.....กลับมาสู่คนที่เคยเชื่อว่าถูกพระเจ้ารังเกียจอย่างเขา
" แต่....แต่ผมอาจทำให้คุณผิดหวัง " เซโร่ผละจากอ้อมกอด
คานาเมะยิ้ม " หากเป็นเช่นนั้นผมก็จะยินดีในความผิดหวัง "
ท้องฟ้าอันมืดมนยามสายฝนเทกระหน่ำ
ท้ายที่สุดแล้วมันมักจะมาพร้อมสายรุ้งและแสงแดดอันสวยงามเสมอ
เช่นกันกับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น
ไม่มีใครพบความทุกข์ได้ตลอด เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครพบความสุขได้ตลอดไป
ความทุกข์เกิดขึ้นเพราะตัวเรา กับความสุขที่เกิดขึ้นเพราะตัวเรา
ทุกข์และสุข สองสิ่งที่ตรงข้ามกันแต่ไม่มีวันแยกจากกัน
ก่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่เรียกกันว่า ความหวัง เสมอ
===================END==================
ผลงานอื่นๆ ของ derick ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ derick
ความคิดเห็น